ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นเวลา 10.15 น. นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลี ครั้งที่ 15 โดยมีนาย นายอี มยอง-บัก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีเข้าร่วมประชุม ร่วมกับผู้นำอาเซียน โดยที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับทิศทางและการพัฒนาสานต่อความร่วมมือระหว่างกัน สาระสำคัญดังนี้

1. ความเชื่อมโยง (Connectivity) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงทั้งการเชื่อมโยงด้านสาธารณูปโภค และการเชื่อมโยงของซอฟต์แวร์ระบบต่างๆ โดยที่สาธารณรัฐเกาหลีเป็นที่รู้จักในด้านเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า และนวัตกรรมใหม่ๆ นายกรัฐมนตรีหวังว่าสาธารณรัฐเกาหลีจะเข้ามามีบทบาทในการเส่งเสริมการพัฒนาการเชื่อมโยงองค์กรต่างๆ ที่มีความสำคัญด้านระบบภาษีและศุลกากรตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการพัฒาระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญสาธารณรัฐเกาหลีจัดตั้ง คณะทำงานพิเศษ ( Task Force ) เพื่อเชื่อมกับคณะกรรมาธิการการเชื่อมโยงอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี

2. การส่งเสริมการค้าและการลงทุน (Trade and Investment) บนพื้นฐานเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-ROK FTA) ที่มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ตามยังจำเป็นต้องตระหนักถึงศักยภาพของเขตการค้าเสรีให้มากขึ้น โดยเฉพาะการการอำนวยความสะดวกทางการค้าและเพิ่มการค้าในด้านการบริการและการลงทุนระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งนี้ สาธารณรัฐเกาหลีสามารถใช้ความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อขยายกิจการในภูมิภาคในมุมของการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง นวัตกรรม และอุตสาหกรรมสีเขียว

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ศูนย์อาเซียน - เกาหลี (ASEAN - Korea Centre) ในกรุงโซลมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการส่งเสริมการค้าระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพโดยการจัดการฝึกอบรมสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีส่วนอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

3. การพัฒนาความร่วมมือ (Cooperation Development) นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความช่วยเหลือของเกาหลีต่อกรอบการดำเนินการ แม่โขง – สาธารณรัฐเกาหลี ในการจัดตั้งกองทุนความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี และการดำเนินการโครงการนำร่องต่างๆ ซึ่งช่วยลดช่องว่างการพัฒนาในภูมิภาค รวมทั้งการสนับสนุนการริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน (Initiative for ASEAN Integration - IAI) อีกด้วย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงประเด็นความมั่นคง ที่ประเทศไทยได้มีส่วนร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับคาบสมุทรเกาหลีที่ปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์ สงบ และมั่นคง โดยสนับสนุนให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใช้การเจรจาอย่างสันติ ผ่านการเจรจาหกฝ่าย หรือ Six-Party Talk  อีกทั้งไทยและอาเซียนพร้อมทำงานร่วมกันกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการทำงานของ UNSC ในประเด็นนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งการดำเนินการตามมติที่เกี่ยวข้องเพื่อความสงบสุขอย่างยั่งยืนและความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีและภูมิภาค