นายกรัฐมนตรียืนยันไทยพร้อมต่อยอดความร่วมมือทั้งสามเสา เพื่อผลักดันสู่ประชาคมอาเซียน

นายกรัฐมนตรียืนยันไทยพร้อมต่อยอดความร่วมมือทั้งสามเสา เพื่อผลักดันสู่ประชาคมอาเซียน

วันที่นำเข้าข้อมูล 26 พ.ย. 2555

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 26 ก.ย. 2565

| 315 view

 

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 และการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 แบบเต็มคณะ

 

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2555 เวลา 9.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุรพงษ์  โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายนิวัฒน์ธำรง บญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางไปยังสำนักงานนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 อย่างเป็นทางการ

 

ในโอกาสนี้สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 กล่าวโดยสรุปว่ายินดีต้อนรับผู้นำชาติอาเซียน ในการมาร่วมประชุมเพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกระชับความสัมพันธ์ในการนำชาติอาเซียนไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี 2558 ด้วยการต่อยอดความร่วมมือทั้งสามเสา คือ เศรษฐกิจ การเมืองความมั่นคงและสังคมวัฒนธรรม และหวังว่าในการประชุมครั้งนี้จะได้ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม และสร้างประโยชน์ร่วมกันแก่ชาติอาเซียน จากนั้นผู้นำอาเซียนได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน และร่วมพิธีเปิดสถาบันอาเซียนสำหรับสันติภาพและสมานฉันท์ ต่อมาในเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการผลักดันสู่การเป็นประชาคมอาเซียน มีสาระสำคัญดังนี้

 

1. นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณแก่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสรรคตของพระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ โดยในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้ยกย่องความเป็นผู้นำและคำมั่นของกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนที่จะสานต่อข้อริเริ่มต่างๆ ในการกระชับความร่วมมือที่เข้มแข็งของอาเซียน และการเตรียมความพร้อมไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558

 

2. ในปีนี้อาเซียนประสบความสำเร็จในการพัฒนาร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของอาเซียนในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยรอคอยให้การนำ AHRD ไปใช้ให้เกิดผลอย่างสมบูรณ์ การส่งเสริมและการปกป้องสิทธิมนุษยชนกำลังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยหวังว่า AHRD จะปูทางให้เกิดการพัฒนาสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค ทั้งนี้ไทยยังได้มีการทำงานอย่างแข็งขันในการส่งเสริมสิทธิของเด็กและสตรี กำจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี การสร้างอำนาจแก่สตรี การสร้างความเท่าเทียมกัน และการพัฒนาเด็ก

 

3. การต่อยอดความร่วมมือทั้งสามเสาเพื่อสร้างประชาคมอาเซียนที่แข็งแกร่ง สำหรับเสาเศรษฐกิจต้องขจัดอุปสรรคทางการค้าด้านภาษี การอำนวยความสะดวกในการค้าการลงทุนได้อย่างเสรี การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อประโยชน์ และการสร้างกลไกและสถาบันของอาเซียนให้ตอบสนองต่อการรวมกลุ่มเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การบูรณาการด้านเศรษฐกิจของภูมิภาค และใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC รวมถึงเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาว ประเทศไทยยินดีที่ได้มีการพัฒนาต่อยอดความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership-RCEP)  และรอคอยการประกาศเจรจาความตกลง RCEP และเห็นว่าควรมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เริ่มต้นการเจรจาช่วงต้นปี 2556

 

สำหรับเสาด้านการเมือง-ความมั่นคง นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรให้ความสำคัญในการต่อสู่กับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการฟอกเงิน ในด้านยาเสพติดนั้นควรผลักดันผลสำเร็จจากการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านยาเสพติดซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ และขยายความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติดระหว่างพรมแดน ส่วนปัญหาด้านการค้ามนุษย์ ไทยเห็นว่าควรเร่งรัดอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการค้ามนุษย์ และผลักดันให้มีการจัดทำแผน Regional Plan Action to Combat Trafficking in Persons

 

เสาด้านสังคม-วัฒนธรรม ควรขยายความร่วมมือด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ ไทยยินดีที่ศูนย์ประสานงานอาเซียนสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในการจัดการภัยพิบัติได้ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ และเห็นว่าควรมีการประสานงานและทำงานร่วมกับศูนย์ภัยพิบัติอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยเฉพาะในเรื่องข้าว ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางสนับสนุนในด้านข้าว นอกจากนี้ไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อจัดการฝึกซ้อมตามแผน ARF Disaster Relief Exercise 2013 เพื่อให้รับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านภัยพิบัติทางน้ำ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับจีนในปีหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารจัดการน้ำ

 

4. การลดการช่องว่างด้านการพัฒนา ไทยยืนยันที่จะให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแก่ประเทศเพื่อนบ้าน CLMV โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสาธารณูปโภค ทั้งในกรอบระดับทวิภาคี กรอบอนุภูมิภาคและกรอบอาเซียน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในลักษณะไตรภาคี เพื่อเร่งให้การลดช่องว่างด้านการพัฒนาของประเทศเพื่อนบ้านประสบผลสำเร็จโดยเร็ว

 

5. การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญสูงสุดอย่างหนึ่งของอาเซียน ในการสร้างความเชื่อมโยงนั้นสิ่งสำคัญคือการระดมเงินทุนเพื่อสร้างเครือข่ายสาธารณูปโภค อำนวยความสะดวกในการไปมาหาสู่และการค้าการลงทุนระหว่างกัน ขณะนี้ประเทศไทยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเมียนมาร์ ในโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายเพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับเอเชียใต้ ซึ่งจะส่งเสริมให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค สำหรับด้านการศึกษา ได้มีโครงการเคลื่อนย้ายนักศึกษาในภูมิภาค การแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกัน

 

6. การทำให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงต้องมีความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารอย่างใกล้ชิด แสวงหาแนวทางและวิธีการเพื่อให้มีอาหารที่เพียงพอ ทั้งในกรอบทวิภาคี อนุภูมิภาค และอาเซียน+3 โดยไทยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตข้าว ยางพารา

 

ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณแก่นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน ที่ได้มีบทบาทในการสร้างประชาคมอาเซียนอย่างแข็งขันมาตลอดระยะเวลาห้าปี และไทยยินดีสนับสนุนเลขาธิการคนต่อไปคือ นายเลอ เลือง มินห์ ซึ่งเป็นชาวเวียดนาม และเชื่อมั่นว่าด้วยความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของนายเลอ เลือง มินห์ จะนำอาเซียนไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในปี 2558 อย่างแน่นอน